ในบทความก่อนหน้านี้เราเคยพาเพื่อน ๆ ไปเสาะหาออกล่าลิปมันแสนดีใน บอกลาปากแห้ง ปัญหาโลกแตกของสาว ๆ ด้วย 10 แบรนด์ ลิปมัน ยอดฮิต! และ วิธีแก้ปัญหา ปากแห้ง ปากแตก ของสาวออฟฟิศ กันไปแล้ว คราวนี้ถึงตาของ อาหารบำรุงริมฝีปาก กันแล้วจ้าสาว ๆ จะมีอะไรที่กินแล้วปากชุ่มชื้นดีงามกันบ้าง ไปดูกันเลย!
ก่อนที่เราจะเดินทางไปออกล่า อาหารบำรุงริมฝีปาก ขอพาไปทบทวนกันสักนิดว่าปากแห้งเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง อาการปากแห้งปากแตกของสาว ๆ เราเนี่ยนะคะ เกิดจากสภาพอากาศรอบกายเราที่แห้งเหลือเกิน ไม่มีความชุ่มชื้นเอาเสียเลย จึงพลอยทำปากเราแห้งไปด้วย นอกจากนี้พฤติกรรมตัวดีตัวเด็ดตัวโดนที่เราทุกคนต่างห้ามไม่ได้เนี่ย ต้องเป็นเรื่องการเผลอเลียริมฝีปากเลย คือเหมือนเมามันส์ในอารมณ์แบบหยุดไม่ได้ แต่ต้องหยุดนะ! เพราะว่าต่อให้เรารับประทานอาหารที่บำรุงริมฝีปากมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ บอกเลยว่าช่วยไม่ได้เลยนะคะ อย่าลืมว่าเลือกอาหารที่ดีแล้วต้องทำพฤติกรรมให้ดีขึ้นด้วย
เอาล่ะค่ะ พูดกันมายืดยาว น่าจะได้เวลาที่เราต้องลิสต์เมนูบำรุงความชุ่มชื้น เติมความแข็งแรงให้ริมฝีปากกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากแห้งแตกเอย ริมฝีปากดำคล้ำเอย วันนี้เรามารวบรวมเมนูตัวช่วยกันดีกว่า
แก๊งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C
หมวดหมู่แรกเราขอให้เริ่มกันที่อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีกันก่อน ถ้าพูดถึงวิตามินซี คำตอบแรกที่หลายจะพรวดพราดตอบออกมา รับรองว่าหนีไม่พ้น ผลไม้ หรือ น้ำผลไม้ แน่นอน ถ้าใครที่ชอบทานผลไม้อยู่แล้วจะรู้เลยว่าผลไม้นั้นส่วนมากกินง่าย รสชาติอร่อย แถมยังได้คุณประโยชน์เยอะ วิตามินก็เพียบ แถมยังเอาไปจับปรุงนั่นใส่นี่ ประยุกต์เป็นเมนูใหม่ ๆ ได้อีกมากมายเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ชอบทานผัก อาจจะมีใจสักนิดที่ให้ไว้กับผลไม้
1. สตรอเบอร์รี่ (Strawberry)
เริ่มกันที่ผลไม้ลูกเล็ก สีแดง ๆ ของโปรดของใครหลาย ๆ คน ที่พอหยิบจับไปใส่เมนูอะไรก็ชวนหิวได้เสมออย่าง “สตรอเบอร์รี่” นี่แหละ เขียน ๆ อยู่ก็หิวเว่อร์นะ ว่าแต่ว่าสตรอเบอร์รี่ช่วยริมฝีปากได้ยังไงบ้างนะ เขาบอกมาว่าสตรอเบอร์รี่เนี่ยมีสารต้านอนุมูลอิสระ และสามารถฟื้นฟูสภาพผิวจากการถูกแสงแดดเยอะ ๆ ได้ ทีนี้นอกจากริมฝีปากจะไม่โดนทำร้ายด้วยแสงแดดแล้ว ผิวพรรณเองก็พลอยได้รับการฟื้นฟูไปด้วย เริ่ด ๆ
สำหรับสตรอเบอร์รี่แล้วเราไปเจอมาสูตรนึง คือเราว่าเราจะทำเพราะสูตรนี้มันดีต่อใจมาก เพียงแค่เอาสำลีชุบน้ำสตรอเบอร์รี่สุด แล้วเช็ดแปะ ๆ ปากไว้ก่อนนอนทุกคืน นอนไปกับการมีน้ำสตรอเบอร์รี่ที่ริมฝีปากอะแก โอ้โห ไม่อยากจะจินตนาการแล้ว ไป! ไปซื้อมาเดี๋ยวนี้ จริง ๆ วิธีการนี้ก็คล้าย ๆ กับการสครับริมฝีปากนั่นแหละ แต่มันฟินตรงที่มันกินได้แล้วก็คืออร่อย!
2. ทับทิม (Pomegranate)
ต่อที่ผลไม้ชนิดที่สอง นั่นคือ “ทับทิม” อันนี้ก็ดีงามมาก ๆ สำหรับใครที่ชอบทานก็จะฟินพอ ๆ กับสตรอเบอร์รี่ข้างบน เขาบอกว่าทับทิมเนี่ยมีส่วนผสมของโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของร่างกาย ฉะนั้น ถ้าปัญหาคือปากแห้ง ทับทิมคือตัวช่วยของคุณจ้า
3. มะนาว หรือ เลมอน (Lime or Lemon)
ใครมีปัญหาริมฝีปากดำคล้ำ ต้องสนใจวัตถุดิบตัวนี้แน่นอนนั่นก็คือ “มะนาว” หรือ “เลมอน” นั่นเองจ้า ที่รู้ ๆ กันดีมากเว่อร์ก็คือทั้งสองตัวนี้มีอุดมไปด้วยวิตามินซี แต่อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะมาลดภาวะริมฝีปากดำคล้ำของเรานั่นคือ “ซิตรัส” ที่อยู่ในมะนาวนั่นเอง หน้าที่ของเจ้าซิตรัสก็คือการลอกหรือเอาริมฝีปากดำ ๆ ออกไป และฟื้นคืนริมฝีปากชุ่มชื้นอมชมพูมาสู่เรา ดีงามเว่อร์
แก๊งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B
ขยับจากโซนผลไม้มาเป็นเหล่าแก๊งวิตามินบี 2 กันหน่อย วิตามินบี 2 เนื่องจากเราไม่สามารถกักเก็บวิตามินบี 2 ไว้ในร่างกายได้ จึงต้องมีการรับวิตามินชนิดนี้ จากการทานอาหารที่มีวิตามินเหล่านี้เข้าไปแทน
4. บีตรูท (Beetroot)
มีบีตรูทมาแจมเพิ่มอีก แต่! ขอบอกก่อนนะว่าบีตรูทเป็นผัก ไม่ใช่ผลไม้นะ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ผักกาดแดง หรือ ผักกาดฝรั่ง ใครที่ไม่รู้จักบีตรูทให้จินตนาการตามนะคะ นึกถึงหัวไชเท้ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง มีส่วนผลเป็นสีขาวใช่ไหม จุกด้านบนสีเขียว นั่นเลยใช่เลย เปลี่ยนสีค่ะ! เป็นสีแดงอมม่วงหน่อย จริง ๆ จะเรียกว่าแดงซะทีเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะมีสีม่วงผสมอยู่พอสมควรเลย ทีนี้พอจะนึกอ๋อกันแล้วใช่ไหมล่ะ นึกออกแล้วก็มาดูประโยชน์กันหน่อยดีกว่า มีวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และแคโรทีน ใครยังไม่เคยลอง ไปชิมกันสักหน่อย จะได้เห็นผล
5. มะเขือเทศ (Tomato)
เมื่อกี้เรามีการสครับแบบใช้สตรอเบอรี่พอกทิ้งไว้บ้าง ทับทิมบ้าง คราวนี้ถึงตาผักสีแดงอย่างมะเขือเทศกันแล้ว สูตรของมะเขือเทศอันนี้จะมีการผสมกับนมสดและน้ำผึ้งหน่อย จากนั้นเอาไปพอกริมฝีปากไว้ราว ๆ 10 นาที แต่อันนี้ต้องล้างออหน่อยนะ ไม่งั้นคือจะนอนลำบาก
6. นม (Milk)
นมจัดว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารมากมายเลยทีเดียว นอกจากใคร ๆ ก็รู้ว่ามีแคลเซียมแล้ว ยังมีวิตามินบี 2 ด้วยนะ
7. ถั่วลิสง งาดำ และเมล็ดอัลมอนด์
อีกหนึ่งอาหารที่มีวิตามินบี 2 ต้องมอบให้ถั่วตัวโปรดของเราเลย นั่นก็คือ อัลมอนด์ (Almond) แต่ถ้าปลาย ๆ เดือนเงินเดือนเริ่มไม่มาแล้วก็จะเริ่มกินเป็น ถั่วลิสงบ้าง กินนมที่ผสมงาดำกันไปบ้าง 5555 ตามกำลังทรัพย์กันไป
8. ข้าวกล้อง (Brown Rice)
ต่อมาแนะนำให้ขอกำลังเสริมจากข้าวกล้องกันเลย อันนี้นอกจากจะบำรุงถึงขั้นในเคสที่ว่าโรคปากนกกระจอกเทศเลยนะ (โรคปากนกกระจอกเทศเป็นโรคที่เกิดจากการที่เราขาดวิตามินบี 2 ดังนั้น ข้าวกล้องเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราสามารถไปรับวิตามินบี 2 ได้นะจ๊ะ)
9. ผักใบเขียว (Vegetable)
หลายคนบอกว่า เอ๊…วิตามินบี 2 นี่ไม่ได้มีเฉพาะในข้าวกล้องนี่นา? ใช่แล้วล่ะค่ะ นอกจากข้าวกล้องแล้ว ยังมีนมกับถั่วที่เรากล่าวถึงไปในตอนแรก และตอนนี้ยังมีผักใบเขียวนานาชนิดอีกด้วย ที่อุดมไปด้วยวิตามันบี 2 ไปดูอีกสิว่านอกจากผักใบเขียวแล้วเนี่ย ยังมีอะไรอีก
10. เนื้อปลา (Fish)
นี่ยังไงล่ะ วัตถุดิบนี้ถูกใจหลายคนแน่นอน นั่นก็คือ “เนื้อปลา” ทาดาาาา! พูดถึงนม ผัก ผลไม้ ข้าว ใด ๆ กันมาเยอะ แต่ยังไม่มีเนื้อสัตว์ย่างกรายเข้ามามีส่วนร่วมในบทความนี้เลย คราวนี้ขอพื้นที่ให้เนื้อปลาด้วยจ้า เนื้อปลาอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ใครชอบทานปลา จัดมาเลย ตัวช่วยชั้นดี ช่วยได้หลายเรื่องจริง ๆ
ก่อนจะสรุปทั้งหมดทั้งมวลนี้ เรามีอีกหนึ่งวัตถุดิบ ตัวช่วยเก๋ ๆ ที่ใคร ๆ ก็ต้องหลงรักแน่นอน นั่นก็คือ “น้ำผึ้ง” นั่นเองจ้า
11. น้ำผึ้ง (Honey)
ตรงแก๊งวิตามินซี เราได้เกริ่นไปแล้วว่ามีเจ้ามะนาวหรือเจ้าเลมอนนี่แหละที่มีสารซิตรัสช่วยลอกริมฝีปากดำคล้ำให้คืนความชุ่มชื้นอมชมพู ทีนี้อีกหนึ่งตัวที่จะมาช่วยลดความเปรี้ยวซี้ดเข็ดฟันของมะนาว นั่นคือ “น้ำผึ้ง” จริง ๆ มีหลายอย่างมากกกกที่มามิกซ์แอนด์แมตช์คู่กับน้ำผึ้งแล้วดีงาม แต่ตอนนี้เราขอพูดถึงในเคสของการบำรุงริมฝีปากกันก่อนดีกว่า ก็คือเอาน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวเนี่ยผสมกัน แล้วทาบริเวณริมฝีปาก เหมือนสครับด้วยสตรอเบอร์รี่และสูตรอื่น ๆ ที่เราบอกไป