ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู คุณสมบัติรอบด้าน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รู้หรือไม่ .. น้ำส้มสายชูที่เราใช้ปรุงอาหาร มีประโยชน์มากกว่าปรุงรสชาติอาหาร ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู แท้จริงแล้วมีประโยชน์รอบด้านในชีวิตประจำวัน ช่วยให้การทำงานบ้านต่าง ๆ ง่ายขึ้นมาก และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู ทำไมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม?

เนื่องจากน้ำส้มสายชูผลิตด้วยวิธีการหมักจากธัญพืชหรือผลไม้ หรือการกลั่น ทำให้ได้ส่วนผสมสำคัญ คือ กรดอะซิติก (Acetic Acid) ซึ่งเป็นกรดอ่อนและเป็นกรดอินทรีย์ ไม่มีสี สามารถละลายน้ำ ละลายแร่ธาตุ สิ่งสกปรก และไขมันได้ ทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย

แนะนำให้เลือกน้ำส้มสายชูแบบบริโภค ที่มีความเข้มข้นของกรดอะซิติกประมาณ 4-7 % ใช้ปรุงอาหารก็ปลอดภัย และหากนำมาใช้ประโยชน์งานบ้าน มีข้อดีคือ ปลอดสารพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู

1. ใช้บริโภค

ในการบริโภคน้ำส้มสายชู สามารถใช้เป็นเครื่องปรุง เพิ่มรสเปรี้ยวให้กับอาหารได้ หรือใช้ในการหมักอาหาร เพื่อถนอมอาหารให้เก็บไว้ได้นานอีกด้วย เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง และยังใช้เพื่ออลดกลิ่นคาวของเนื้อสัวต์ก็ดี ด้วยวิธีการนำเกลือผสมกับน้ำส้มสายชู แล้วแช่เนื้อสัตว์ ก่อนนำไปแช่ในตู้เย็น จะช่วยลดกลิ่นคาว ไม่ทำให้ตู้เย็นเหม็นได้

2. ขจัดคราบเชื้อราและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

หมดปัญหาเรื่องคราบเชื้อรา โดยเฉพาะในที่ที่มีความชื้นสะสม เช่น ห้องน้ำ อ่างล้างจาน ในไมโครเวฟ ตู้เย็น ให้นำน้ำส้มสายชูฉีดบริเวณที่มีเชื้อรา (หากมีฝังแน่นหรือเยอะ แนะนำให้ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที) จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ด ก็สามารถทำความสะอาดครบเชื้อราได้แล้ว คราบสบู่หนา ๆ บริเวณกระจก ฝักบัว ก็อกน้ำก็เอาอยู่นะ

นอกจากนี้ยังช่วยขจัดคราบชักโครกได้ด้วย โดยการราดน้ำส้มสายชูลงในชักโครกให้ทั่วและทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง หากคราบหนักให้ทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นขัดออกด้วยแปรงและล้างด้วยน้ำสะอาด ทั้งช่วยกำจัดคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำได้ดี ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมในบริเวณนั้น ๆ ด้วย

3. ขจัดคราบไหม้บนเตาปิ้งย่าง

รอยไหม้บนเตาปิ้งย่างหรือกระทะ ถือเป็นรอยที่กำจัดค่อนข้างยาก แต่หากใช้น้ำส้มสายชูฉีดพรมบริเวณที่เป็นคราบ แล้วทิ้งไว้สัก 5-10 นาที จากนั้นขัดออกด้วยฝอยขัดหม้อ คราบไม้ที่ติดบนเตาหรือกระทะก็จะออกได้อย่างง่ายดาย

4. ใช้ซักผ้า

น้ำส้มสายชูสามารถใช้ซักผ้าได้ ปลอดสารพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนิยมซักกับผ้าขนหนู พรม ผ้าม่าน ซึ่งคุณสมบัติของน้ำส้มสายชูนั้น จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฝุ่น รวมถึงช่วยขจัดผงซักฟอกที่ตกค้างอยู่ในผ้า โดยไม่ทำลายเนื้อผ้าและช่วยให้ผ้านุ่มฟู ไม่แข็งกรอบอีกด้วย เมื่อซักเสร็จนำไปตากแดด จะทำให้ผ้าหอมแบบธรรมชาติ ไม่ติดกลิ่นน้ำส้มสายชูเลยค่า แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูล้วนในการซัก ปริมาณเทียบเท่าการใช้ผงซักฟอก (ขึ้นอยู่กับปริมาณผ้า)

นอกจากจะช่วยถนอมและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในผ้าได้ดีแล้ว สามารถใช้ซักเสื้อผ้าสีขาวได้ด้วย โดยการผสมน้ำส้มสายชูกับผงซักฟอกในการซัก จะช่วยให้ผ้าขาวที่หมอง กลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง

ปล. ในการซักกับเครื่องซักผ้า ไม่ควรใช้บ่อย เพราะอาจทำให้ซีลยางและท่อในเครื่องซักผ้าเสียหายได้

5. ขจัดคราบสติ๊กเกอร์และหมากฝรั่ง

คราบสติ๊กเกอร์และหมากฝรั่ง ที่ติดตามเฟอร์นิเจอร์หรือบริเวณกำแพงบ้าน สามารถทำความสะอาดได้ไม่ยาก คราบสติ๊กเกอร์ขจัดได้โดยพรมหรือทาน้ำส้มสายชูลงบนคราบ แล้วทิ้งประมาณ 10 นาที จากนั้นค่อน ๆ ถูวน คราบสติ๊กเกอร์จะค่อย ๆ หลุดออกอย่างง่ายดาย ส่วนคราบหมากฝรั่งขจัดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูหมาด ๆ แล้วถูวนเช่นเดียวกัน หมดปัญหาในการขจัดคราบยาก ๆ แล้ว

6. ล้างภาชนะสัตว์เลี้ยง

การทำความสะอาดภาชนะสัตว์เลี้ยง แบบปลอดสารพิษ เป็นมิตรกับน้องสัตว์เลี้ยง แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูในการล้าง โดยเทลงไปในภาชนะทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นเช็ดทำความสะอาดด้วยฟองน้ำและล้างออกด้วยน้ำเปล่า เท่านี้ภาชนะสัตว์เลี้ยงก็จะสะอาด ปลอดภัย และป้องกันการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์

7. ตัวช่วยดูแลสวน

ช่วยป้องกันวัชพืช ด้วยการราดน้ำส้มสายชูลงบนบริเวณที่มีวัชพืชที่ชุ่ม จะช่วยลดการเกิดวัชพืชใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุของดอกไม้ที่ตัดมาใส่แจกันให้อยู่คงทนอีกด้วย เพียงใส่น้ำส้มสายชูลงในแจกันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำตาลประมาณ 1/4 ส่วน โดยวัดจากปริมาณน้ำทั้งหมด แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน

ถึงแม้ว่าน้ำส้มสายชูจะช่วยขจัดคราบได้ดี แต่ก็มีอุปกรณ์ในบ้านบางอย่าง ที่ ‘ไม่เหมาะกับการทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู’

• เตารีด กรดของน้ำส้มสายชูสามารถกัดแทะเยื่อบุและชิ้นส่วนโลหะ ทำให้เตารีดเสียหายได้
• หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งจอสมาร์ทโฟน แท็บเลต จอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ ไม่ควรทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู เพราะอาจทำให้คุณสมบัติป้องกันแสงสะท้อนของหน้าจอเสียหาย และทำให้ระบบทัชสกรีนตอบสนองได้น้อยลง
• เครื่องซักผ้า กรดอะซิติกทำให้ซีลยางและท่อในเครื่องซักผ้าเสียหายได้ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาหน้า จึงไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูซักผ้าบ่อย ๆ หรือเป็นประจำ
• เครื่องล้างจาน เช่นเดียวกันกับเครื่องซักผ้า กรดอะซิติกส่งผลให้ชิ้นส่วนที่เป็นยางในเครื่องล้างจานเสียหายได้ จึงไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูในการกำจัดคราบหรือฆ่าเชื้อราในเครื่องล้างจาน

น้ำส้มสายชูคุณสมบัติดีรอบด้านขนาดนี้ ปลอดภัย ไร้สารพิษ เป็นตัวช่วยทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงสุด ๆ ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พ่อบ้านแม่บ้านที่รักการทำความสะอาดและดูแลงานบ้าน ลองเอาไปทำตามกันดูนะคะ